วันจันทร์ที่ 3 สิงหาคม พ.ศ. 2552

ปกป้องลูก . . . จากเชื้อราผิวหนัง

ปกป้องลูก . . . จากเชื้อราผิวหนัง





ในช่วงที่อากาศร้อนมักจะทำให้เหงื่อออกมากจนเกิดการอับชื้นตามส่วนต่างๆ ของร่างกาย จึงทำให้เกิดเชื้อราได้ง่าย โดยเฉพาะในเด็กเล็กที่ผิวยังบอบบาง และสนุกกับการวิ่งเล่นโดยไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย ดังนั้น เวลาที่ลูกมีเหงื่อออกมาก คุณพ่อคุณแม่จึงต้องดูแล และรักษาความสะอาดผิวหนังของลูกน้อยให้ดี เพื่อไม่ให้เกิดการติดเชื้อราที่ผิวหนัง

พญ. ฐิตาภรณ์ วรรณประเสริฐ กุมารแพทย์ด้านผิวหนังเด็ก ให้คำแนะนำเกี่ยวกับโรคติดเชื้อราที่ผิวหนัง เพื่อคุณพ่อคุณแม่จะได้ปกป้องผิวของลูกจากการติดเชื้อราและรับมือได้อย่างถูกต้อง

การติดเชื้อราที่ผิวหนัง แบ่งออกเป็น 3 กลุ่ม ซึ่งแต่ละกลุ่มจะมีอาการและการรักษาที่แตกต่างกันไป

กลาก (Dermatophytosis)

เกิดจากการได้รับเชื้อจากการสัมผัสผู้ที่เป็นโรคหรือติดจากสัตว์เลี้ยง เช่น สุนัข แมว หรือถอดรองเท้าเล่นในพื้นดินที่มีเชื้อรา

อาการ : ผิวหนังเป็นผื่นแดง คัน เป็นวงมีขุย หรือตุ่มแดงที่ชอบพบบริเวณหน้า ลำตัว แขน ขา แต่หากเป็นผื่นบริเวณศีรษะจะเรียกว่า ชันนะตุ (Kerion) เป็นก้อนนูน อาจมีตุ่มหนอง พอแตกจะมีน้ำเหลืองเยิ้ม ซึ่งอาจพบผมร่วงหรือมีต่อมน้ำเหลืองโตร่วมด้วย

รักษา : ถ้าเป็นกลากที่ผิวหนังให้ใช้ยารักษาเชื้อรา ทาวันละ 2 ครั้ง ประมาณ 2-3 สัปดาห์ ส่วนกลากบริเวณศีรษะต้องกินยาร่วมด้วย โดยยาหลักในเด็กคือ กริซีโอฟุลวิน (Griseofulvin) กินนาน 6-8 สัปดาห์ และสระผมด้วยแชมพูที่มีตัวยานี้เป็นส่วนผสมด้วย

ป้องกัน : ล้างมือและเท้าของลูกให้สะอาดทุกครั้งหลังการเล่นอาบน้ำทุกวัน อย่างน้อยวันละ 2 ครั้ง หลังอาบน้ำและสระผมแล้ว ควรเช็ดตัวและผมให้แห้ง โดยเฉพาะก่อนนอน เพื่อไม่ให้เกิดการอับชื้น ระวังอย่าให้ลูกคลุกคลีกับผู้ที่เป็นโรค และหลีกเลี่ยงการใช้สิ่งของร่วมกัน เช่น ผ้าเช็ดตัว หวี ผ้าปูที่นอน หมอน เป็นต้น

เกลื้อน (Tinea versicolor)

พบได้บ่อยทั้งในเด็กและผู้ใหญ่ พบมากในช่วงอากาศร้อนและในเด็กที่มีเหงื่อออกมาก

อาการ : ผิวหนังจะเป็นด่าง เป็นวงสีขาว สีแดง หรือสีขี้เถ้า เป็นขุยละเอียดโดยเริ่มจากจุดเล็กๆ ถึงเป็นวงใหญ่ พบตามลำตัว แขน ขา หน้า หรือคอ มักจะไม่มีอาการคัน

รักษา : ใช้ยาทาสำหรับโรคเกลื้อน เช่น โซเดียม ,ไทโอ ซัลเฟต, เซเลเนียม ซัลไฟด์ (Selenium sulfide) หรือยา กลุ่มอิมิดาโซล (Imidazoie) ทาวันละ 2 ครั้ง นานประมาณ 2-4 สัปดาห์

ป้องกัน : รักษาความสะอาดและความแห้งของร่างกายและเสื้อผ้าอยู่เสมอ อย่าใส่เสื้อผ้าที่อับหรือเปียกเหงื่อนานๆ หลังอาบน้ำแล้วให้เปลี่ยนเสื้อใหม่ อย่าใส่เสื้อตัวเดิมที่อับเหงื่อ

ยีสต์ (Candidiasis)

พบได้บ่อยในเด็กตั้งแต่แรกเกิด-อายุ 3 ปี โดยสาเหตุที่พบบ่อยเกิดจากการติดเชื้อแคนดิดาอัลบิแคนส์ (Candida albicans) นอกจากนี้ ยังเกิดจากการได้รับยาปฏิชีวนะเป็นเวลานาน ในเด็กที่มีภูมิคุ้มกันบกพร่องหรือเด็กที่อ้วนมากจะทำให้เป็นมากขึ้น

อาการ : เป็นผื่นแดงเปื่อยบริเวณข้อพับ คอ รักแร้ ขาหนีบ ก้น หรือตามบริเวณที่อับชื้นของร่างกาย ส่วนในทารกแรกเกิดจะมีผื่นในช่องปากตามกระพุ้งแก้มหรือเพดานปาก ลักษณะเป็นแผ่นฝ้าสีขาวคล้ายน้ำนม

รักษา : ใช้ยากลุ่มอิมิดาโซล (Imidazole) ทาวันละ 2 ครั้ง นานประมาณ 1-2 สัปดาห์ ถ้าเป็นภายในช่องปากใช้ยาเจนเซียน ไวโอเลต (Gentian violet) หรือใช้ Nystatin suspension ทาวันละ 1-2 ครั้ง ประมาณ 1-2 สัปดาห์

ป้องกัน : หากลูกยังใส่ผ้าอ้อมควรระวังอย่าให้อับชื้น หลังอาบน้ำควรทำความสะอาดและซับตัวให้แห้ง โดยเฉพาะบริเวณข้อพับ ขาหนีบ และตามซอกไม่ควรโรยแป้งบริเวณที่มีผื่น เพราะเวลาเหงื่อออกจะทำให้ผิวบริเวณที่โรยแป้งมีความอับชื้นมากขึ้น

ทั้งนี้ ถึงแม้ว่าโรคติดเชื้อราทางผิวหนังทั้ง 3 ชนิด จะมีอาการใกล้เคียงกัน แต่หากลูกเริ่มมีอาการหรือสงสัยว่าจะเป็นโรคติดเชื้อราที่ผิวหนัง คุณพ่อคุณแม่ควรรักษาความสะอาดผิวหนังของลูกให้ดี พาลูกไปพบแพทย์ผิวหนัง เพื่อจะได้วินิจฉัยโรคอย่างถูกต้อง และไม่ควรซื้อยามาทาให้ลูกเอง เพราะอาจเป็นอันตรายได้ค่ะ


ขอขอบคุณข้อมูลจาก



Macaroni Salad Recipes
Meatloaf Best Recipe
Sirloin Steak Recipes
Summer Food Recipes
Best Fajita Recipes
Best Red Velvet Cake Recipe
Diabetic Dessert Recipes
Easy Soup Recipes
Easy Tiramisu Recipe
Potato Recipes On The Grill

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น